ปัจจุบันกลุ่มรักเพศเดียวกันนั้น ถือว่าเปิดกว้างแและเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้น แต่ทางศาสนาอิสลามถือว่าพฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นบาป และเนื่องจากกฎหมายของประเทศมุสลิมมีพื้นฐานมาจากกฎหมายศาสนา ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากฎหมายประเทศมุสลิมมักจะมีบทลงโทษสำหรับกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน จะมีที่ไหนและลงโทษยังไง ต้องติมตาม ^^ กฏหมายโหดลงโทษเกย์ ชายรักชาย
เซเนกัล (Senegal)
ว่ากันตามกฎหมาย: ติดคุก ๑ – ๕ ปี ปรับเป็นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ – ๑.๕ ล้านฟรังค์ โทษขั้นสูงสุดจะถูกนำมาใช้ถ้าคู่ขาคนใดคนหนึ่งอายุต่ำกว่า ๒๑
ตูนีเซีย (Tunisia)
ว่ากันตามกฎหมาย: พฤติกรรมรักเพศเดียวกันมีโทษจำคุกสามปี ว่ากันตามความเป็นจริง: แม้จะถูกตำรวจและทางราชการตามรังควาญอยู่บ้าง แต่ก็มีชายขายเซ็กส์ (Male Sex Worker) อยู่ตามถนนในเมืองตูนิส ซึ่งเป็นเมืองหลวง มีตัวละครที่มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน*ปรากฏตัวในภาพยนตร์ภายในประเทศ
โมรอกโค (Morocco)
มีโทษจำคุกถึงสามปี และเสียค่าปรับ โทษฐาน “กระทำการลามกกับเพศเดียวกันและมีพฤติกรรมผิดธรรมชาติ” ว่ากันตามความเป็นจริง: การดำเนินการต่อต้านเกย์เพิ่มมากขึ้นในช่วนสองสามปีที่ผ่านมา แต่ในเมืองใหญ่อย่าง Marrakech Tangier และ Essaouirah กลับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมในหมู่เกย์ (โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศส) และมีโสเภณีชายอยู่ทั่วไป
จอร์แดน (Jordan)
ว่ากันตามกฎหมาย: ไม่มีข้อห้ามพฤติกรรมรักเพศเดียวกันตามกฎหมาย แต่คนที่เป็น GLBT จะถูกลี้ภัย*ไปยังประเทศอื่น ว่ากันตามความเป็นจริง: ใน บรรดาประเทศมุสลิม จอร์แดนถือว่าเป็นประเทศที่ใจกว้างกับกลุ่มคนรักเพศเดียวกันมากที่สุด ประเทศหนึ่ง คาเฟ่และที่สถานที่ชุมนุมของชาวเกย์มีอยู่ทั่วไปในกรุงอัมมาน (Amman) ซึ่งเป็นเมืองหลวง
อียิปต์ (Egypt)
ว่ากันตามกฎหมาย: ในทางเทคนิครักเพศเดียวกันไม่ผิดกฎหมาย แต่กลับถูกดำเนินคดีจนถึงที่สุดในข้อหาลุ่มหลงในโลกียวิสัย ภายใต้การนำของประธานาธิบดี Hosni Mubarak รัฐบาลก็เริ่มดำเนินการต่อต้านเกย์ การจับกุมครั้งใหญ่เรียกว่า “Cairo 52”* เกิดขึ้นบนเรือจัดงานเลี้ยงสำหรับเกย์ที่จอดอยู่ริมแม่น้ำไนล์ ในปี ๒๐๐๑ เป็นตัวอย่างที่โด่งดังที่สุด ๒๓ คนจาก ๕๒ คนที่ถูกจับกุม ติดคุกตั้งแต่หนึ่งถึงห้าปี บางส่วนที่หลบหนีไปได้ก็ถูกเนรเทศออกจากประเทศไปเลย
ซาอุดิอาระเบีย (Saudi Arabia)
ว่ากันตามกฎหมาย: ชารีอะฮฺ หรือกฎหมายอิสลาม เป็นกฎหมายประจำชาติ พฤติกรรมรักเพศเดียวกันมีบทลงโทษถึงตาย (โดยการปาหินใส่ แต่ก็มีบางรายงานกล่าวถึงการตัดหัวด้วย) เฆี่ยน ๑๐๐ ที* หรือจำคุก
ว่ากันตามความเป็นจริง: แม้ว่าจะเป็นประเทศหัวอนุรักษ์นิยมที่สุดในโลกมุสลิม แต่การแบ่งแยกเพศชาย-หญิงอย่างเข้มงวด** และจำนวนผู้อพยพออกนอกประเทศจำนวนมากที่เป็นชายโสด แสดงให้เห็นถึงการจำยอมต่อพฤติกรรมรักเพศเดียวกันได้ในหลายระดับ
อิรัก (Iraq)
ว่ากันตามกฎหมาย: ความโกลาหลในอิรัก ภายใต้การควบคุมของอเมริกาทำให้นโยบายราชการต่าง ๆ ไม่มีความชัดเจน ช่วงก่อนสงครามพฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นที่อนุมัติในผู้ใหญ่ แต่หลังจากการล้มล้างอำนาจของซัดดัม ฮุสเซน พฤติกรรมรักเพศเดียวกันกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายจนกระทั่งปัจจุบัน
ว่ากันตามความเป็นจริง: กลุ่มล่าสังหาร(Death Squad)*มุ่งเป้าไปที่เกย์และเลสเบี้ยน แต่มีเซฟเฮ้าส์ (Safe Houses) สำหรับเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการสถานที่ลี้ภัย การออกล่าหนุ่มและนัดเดทกันทางอินเตอร์เน็ตในแถบเคอร์ดิสถาน (Kurdistan) จะปลอดภัยกว่า (เคอร์ดิสถานเป็นเขตปกครองตนเองพิเศษของอิรัก ใช้ธงคนละผืนด้วย น่าจะเป็นรัฐอิสระแบบหนึ่ง)
*Death Squad ดำเนินการทำลายล้างเกย์ภายใต้แคมเปญ “Sexual Cleansing” ถ้าเป็นเกย์ที่ดูภายนอกแมน ๆ จะไม่ค่อยน่าเป็นห่วง แต่ถ้าตุ้งติ้ง หรือแต่งตัวเนี้ยบเกินอาจเป็นอันตรายได้ กลวิธีของกลุ่มนี้มีตั้งแต่การทำร้ายผู้ต้องสงสัยว่าเป็นเกย์ตามถนน ไปจนถึงเข้าหาเกย์โดยแสร้งว่าตัวเองก็เป็นเกย์เหมือนกัน สุดท้ายพอเหยื่อแสดงตัวก็จัดการซะ
ตุรกี (Turkey)
ว่ากันตามกฎหมาย: ไม่มีกฎหมายต่อต้านพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน เพราะตุรกีเป็นประเทศมุสลิมที่มีระบบการปกครองที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา(Secular Government) และมีเสรีภาพมากที่สุดในบรรดาประเทศมุสลิม ว่ากันตามความเป็นจริง: พฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นที่ยอมรับในประเทศมานานแล้ว ซึ่งทำให้การท่องเที่ยวของกลุ่มเกย์จากยุโรปกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานในเมืองอิสตันบูล
อัฟกานิสถาน (Afganistan)
ว่ากันตามกฎหมาย: “จำคุกระยะยาว” ตามกฎหมายแพ่ง แต่ก่อนหน้านี้ภายใต้การปกครองของกลุ่มตาลีบัน มีการนำชารีอะฮฺ (หรือกฎหมายอิสลาม) มาใช้ โดยกำหนดโทษประหารแก่ผู้มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกัน ซึ่งรวมถึงการพังกำแพงลงมาทับผู้ต้องหาให้ตายด้วย
ว่ากันตามความเป็นจริง: พฤติกรรมรักเพศเดียวกันเป็นที่ยอมรับในประเทศนี้มานานแล้วโดยเฉพาะในเขตชนเผ่าเพชตุน (Pashtun) ทางตอนใต้ เมืองกันดาฮาร์ (Kandahar) มีชื่อเสียงด้านพฤติกรรมรักเพศเดียวกันมานานแล้ว
มาเลเซีย (Malaysia)
ว่ากันตามกฎหมาย: โทษอาญาระดับประเทศคือจำคุกยี่สิบปีและเฆี่ยนโทษฐานมีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลัง (ดังนั้นเลสเบี้ยนจึงดูเหมือนจะไม่ติดร่างแหไปด้วย) แต่ในระดับท้องถิ่นมีการใช้ชารีอะฮฺ ทั้งเกย์และเลสเบี้ยนต้องถูกจำคุกสามปี ถูกเฆี่ยน และต้องจ่ายค่าปรับในทศวรรษที่ ๙๐ มีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นเมื่อนายอันวา อิบรอฮิม รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีถูกพิพากษาให้จำคุก ๙ ปี ฐานมีเพศสัมพันธ์ทางประตูหลัง แต่หลังจากรับโทษไปได้ ๔ ปี ข้อกล่าวหาก็ถูกยกเลิก
ว่ากันตามความเป็นจริง: เกย์และเลสเบี้ยถูกตามรังควานจากรัฐบาลที่ใจแคบมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การปรามปรามสถานที่ชุมนุมเกย์อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามฉากชีวิตชาวเกย์และเลสเบี้ยนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ กำลังเติบโตเป็นอย่างมาก ในผับ บาร์ และซาวน่า อุตสาหกรรมที่ไฮเทคส่งผลให้เกิดเกย์ที่แสดงตัวให้เห็นเพียงครึ่งเดียว*ในกลุ่มชนชั้นกลาง
อิหร่าน (Iran)
ว่ากันตามกฎหมาย: ถ้าการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันได้รับการพิสูจน์ว่าเกิดขึ้นจริง กฎหมายชารีอะฮฺระบุโทษไว้ว่า เกย์ต้องโทษประหาร เลสเบี้ยนถูกโบยร้อยครั้ง (และจะถูกประหารถ้าต้องโทษนี้เป็นครั้งที่สี่) องค์กรสิทธิมนุษยชนทำสารคดีเรื่องการประหารชีวิต รวมทั้งคดีที่เด็กหนุ่มสองคนถูกแขวนคอ*ในปี ๒๐๐๕ ผู้พิพากษากำหนดให้มีการทรมาน และจำคุกด้วย ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ ๒๐๐๗ มีการปราบปราม “พฤติกรรมไร้ศีลธรรม” อย่างรุนแรงรวมทั้ง การจับกุมข้อหาแต่งกายผิดเพศของตนด้วย (โดยถือว่าเป็นลักษณะพฤติกรรมของเกย์และเลสเบี้ยน)
ว่ากันตามความเป็นจริง: เกย์ชาวอิหร่านจำนวนมากกำลังหาที่ลี้ภัยเพื่อหนีจากการทรมานและการจำคุกในประเทศ แม้ขบวนการเคลื่อนไหวของกลุ่มเกย์อิหร่านจะถูกปราบปราม แต่พวกเขาก็ยังเดินหน้าดำเนินการเป็นขบวนการใต้ดินในกรุงเตหะราน โดยมีการประชุมลับและออกหนังสือลับ ๆ ผู้นำการต่อสู้เพื่อเกย์ชาวอิหร่านบางคนถูกเนรเทศไปแล้ว
ปากีสถาน (Pakistan)
ว่ากันตามกฎหมาย: ภายใต้กฎหมายชารีอะฮฺที่ถูกนำมาใช้ใหม่ในปี ๑๙๙๐ พฤติกรรมรักเพศเดียวกันต้องถูกลงโทษโดยการปาก้อนหินใส่จนตาย (แทบจะไม่เคยบังคับใช้จริง) หรือเฆี่ยนร้อยครั้ง และภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งในปี ๑๘๖๐ กล่าวว่า “ความสุขทางเพศที่ละเมิดกฎธรรมชาติ” จะต้องถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต ว่ากันตามความเป็นจริง: การ ให้สินบน การข่มขู่ การแบล็คเมล* และการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นในบางครั้ง อย่างไรก็ตามการแบ่งแยกชาย-หญิงชัดเจนก็แสดงถึงการยอมรับสภาพการมีพฤติกรรม รักเพศเดียวกันไปในตัว** หนำซ้ำประเทศนี้ยังมีพิธีกรรายการทีวีชื่อดังเป็นกะเทยแต่งหญิงนามว่า Begum Nawazis Ali ด้วย
อินโดนีเซีย (Indonesia)
ว่ากันตามกฎหมาย: ยังไม่มีกฎหมายต่อต้านเกย์ระดับชาติ แต่ในบางเมืองบางจังหวัดมีกฎหมายชารีอะฮฺบังคับใช้
ว่ากันตามความเป็นจริง: บาหลีเป็นเขตชาวพุทธและเมืองท่องเที่ยว จึงเป็นส่วนที่มีเสรีภาพมากกว่าส่วนอื่นของประเทศ มีชาวต่างชาติที่เป็น GLBT เข้ามาพักอาศัยตลอดทั้งปี โดยจำนวนมากมาจากเจ้าอาณานิคมเก่าอย่างฮอลแลนด์
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (United Arab Emirates)
ว่ากันตามกฎหมาย: กฎหมายของสหพันธรัฐระบุโทษประหาร (แทบไม่เคยบังคับใช้) ในขณะที่กฎหมายเขตปกครองเอมิเรต (อย่างใน ดูไบ) ระบุโทษจำคุกสูงสุด ๑๔ ปี อัยการจะเป็นคนเลือกว่าจะใช้กฎหมายสหพันธรัฐ หรือกฎหมายเขตปกครองเอมิเรต หรือกฎหมายชารีอะฮฺ ยังไม่ชัดเจนว่ากฎหมายห้ามรักเพศเดียวกัน ครอบคลุมถึงเลสเบี้ยนด้วยหรือเปล่า* ในปี ๒๐๐๖ ชาย ๑๑ คนถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาห้าปี ด้วยข้อหาเข้าร่วมงานแต่งฯเกย์
ว่ากันตามความเป็นจริง: นักท่องเที่ยวเกย์ได้รับการปฏิบัติต่างออกไป เมืองอบูดาบี และดูไบเปลี่ยนโฉมเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว แน่นอนว่าต้องมีกลุ่มเกย์เข้ามาด้วย อันที่จริงแล้วในดูไบมีทั้งคลับเกย์ และชายหาดเกย์ นอกจากนี้สายการบินเอมิเรตส์ยังเข้าร่วมงาน Gay Life Travel Expo อีกด้วย
แสดงความคิดเห็น